การนำภาพมาใส่ในเอกสาร
การนำภาพมาใส่ในเอกสารของ Word มีอยู่หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสีย ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำภาพใช้งาน
ในกรณีที่เปิดแถบเครื่องมือ Picture (รูปภาพ) ขึ้นมาแล้ว นักเรียนอาจแทรกภาพได้อีกวิหนึ่งโดยคลิกปุ่ม Insert Picture บนเครื่องมือได้
วิธีที่ 2 : โดยใช้ Clip Organizer
Clip Organizer คือโปรแกรมย่อยของชุด Office ที่เก็บภาพสำเร็จรูป , ภาพถ่าย , เสียงภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ ตลอดจนไฟล์ที่เป็นมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งเรียกรวมว่า คลิป เอาไว้โปรแกรม Clip Organizer นี้ ช่วยให้นักเรียนจัดการกับคลิปที่มีอยู่ในเครื่องได้ง่ายขึ้น เช่น จัดแยกคลิปเป็นหมวดหมู่ เพิ่มคลิป ลบคลิป หาไฟล์จากคำใด ๆ ตลอดจนสร้าง Collection ของไฟล์คลิปไว้เป็นหมวดหมู่ของนักเรียนเอง รวมถึงการใส่คำสำคัญเพื่อช่วยในการหาไฟล์คลิปได้สะดวกขึ้นสำหรับการใส่ภาพจาก Clip Organizer ทำได้ดังนี้
1. คลิกที่ Organize clips… (จัดระเบียบภาพตัดปะ) บนทาสก์เพนของ Clip Art
2. ในวินโดวส์ Microsoft Clip Organizer ทางด้านซ้ายจะแสดง Collection List
(รายการคอลเลกชัน) ส่วนทางด้านขวาจะแสดงรายชื่อรูปภาพจากคอลเลกชันที่เลือกทางด้านซ้ายโปรแกรมจะแบ่งคอลเลกชันออกดังนี้
- My Collections คอลเลกชันรูปภาพในเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียน โดยจะแสดง
โฟลเดอร์ที่มีไฟล์รูปภาพเก็บอยู่
- Office Collections คอลเลกชันรูปภาพที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับโปรแกรม Office 2003
- Web Collections คอลเลกชันรูปภาพที่เก็บอยู่เว็บไซต์ Office Online ของ
ไมโครซอฟต์บนอินเทอร์เน็ต
3. คลิกที่ลูกศรข้างรูปแล้วเลือกคำสั่ง Copy (คัดลอก)
4. คลิกปุ่ม (ปิด) เมื่อใหม่ต้องการใช้ Clip Organizer แล้ว
5. คลิกขวาในเอกสารตรงตำแหน่งที่จะวางภาพ แล้วเลือกคำสั่ง Paste (วาง)
- ในขั้นที่ 3 นักเรียนอาจคลิกที่รูปค้างไว้แล้วลากมาวางบนเอกสารได้เลย
ถ้านักเรียนจะหาภาพที่มีสไตล์หรือโทนการใช้สีแบบเดียวกับภาพที่เลือกไว้ให้คลิกปุ่มลูกศรด้านขวาของภาพนั้นแล้วเลือกคำสั่ง Find Similar Style (หาแบบที่เหมือนกัน)
- โปรแกรมจะติดตั้งรูปไว้ที่ Clip Organizer ในโฟล์เดอร์ชื่อ “คลิปที่ดาวน์โหลดมา” โดยจะแยกรูปไว้เป็นกลุ่ม
จัดเก็บภาพลงในคอลเลกชันส่วนตัว
1. เลือก File - New Collection (แฟ้ม - คอลเลกชันใหม่)
2. กำหนดชื่อในช่อง Name (ชื่อ)
3. คลิกเลือกกลุ่มที่จะสร้างคอลเลกชันใหม่ได้กลุ่มนั้น
4. คลิก OK (ตกลง)
5. คลิกโฟลเดอร์ที่มีภาพที่จะย้ายไปเก็บในคอลเลกชันใหม่ที่สร้างไว้
6. คลิกปุ่มลูกศรของรูปที่ต้องการแล้วเลือก Copy to Collection (คัดลอกไปที่คอลเลกชัน)
7. คลิกเลือกคอลเลกชันปลายทางที่จะนำรูปไปไว้
8. คลิก OK (ตกลง)
ถ้าเลือก Move to Collection (ย้ายไปที่คอลเลกชัน) จะไม่ใช่การย้ายตำแหน่งที่ใช้จัดเก็บ
ไฟล์รูปภาพนั้นจริงๆ แต่เป็นการจัดกลุ่มภาพเพื่อให้การค้นหาทำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ใส่คำสำคัญ (Keyword) ให้กับแต่ละภาพ
ในการหาภาพด้วยการป้อนคำแล้วให้โปรแกรมหาภาพที่ตรงกับคำนั้น แต่ละภาพจะต้องมีความสำคัญ หรือ Keyword กำกับไว้ด้วย ซึ่งอาจมีมากกว่า 1 คำก็ได้ ถ้าคำที่ป้อนตรงกับคำสำคัญของภาพใด ภาพนั้นก็จะถูกเลือกให้แสดงออกมา โดยปกติคลิปอาร์ตที่มากับโปรแกรมจะถูกกำหนดคำสำคัญมาแล้ว ยกเว้นคลิปที่เป็นของนักเรียนเอง ซึ่งหากนักเรียนต้องการให้โปรแกรมหาคลิปที่นักเรียนหามาเองด้วยคำใดๆ ได้ ก็ควรจะใส่สำคัญให้คลิปนั้นด้วย โดยมีวิธีการดังนี้
1. คลิกปุ่มลูกศรข้าง รูป แล้วเลือก Edit Keywords (แก้ไขคำสำคัญ)
2. ป้อนคำสำคัญในช่อง Keyword (คำสำคัญ)
3. คลิกปุ่ม Add (เพิ่ม)
4. ทำซ้ำข้อ 2-3 จนเพิ่มคำสำคัญครบตามต้องการแล้วคลิก OK (ตกลง)
การลดขนาดไฟล์ภาพ
ในบางครั้งภาพที่นักเรียนนำมาใส่ในเอกสารอาจเป็นภาพที่ขนาดไฟล์ใหญ่เกินความจำเป็น จึงทำให้ไฟล์เอกสารมีขนาดใหญ่ไปด้วย นักเรียนอาจเลือกลดขนาดของภาพลงเพื่อให้เหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้ ซึ่งอาจลดความละเอียดของภาพลงหรือลบส่วนที่นักเรียนซ่อนไว้ (Crop) หรือเลือกทำทั้ง 2 แบบ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
คลิกเลือกภาพที่จะลดขนาด หรือถ้าจะเลือกหลายรูป ให้กดปุ่ม <Shift> ค้างไว้แล้วคลิกเลือกที่ละรูป
- คลิกปุ่ม Compress Pictures (บีบอัดรูปภาพ)
- เลือกว่าต้องการลดขนาดให้กับรูปภาพใดบ้าง
- Selected pictures (รูปภาพที่เลือก) ลดขนาดให้รูปภาพที่คลิกเลือกไว้เท่านั้น
- All Pictures in document (รูปภาพทั้งหมดในเอกสาร) ลดขนาดของรูปภาพทั้งหมดในเอกสาร
- เลือกความละเอียดของภาพลง โดยกำหนดว่าต้องการนำภาพไปใช้ในงานใด
- ถ้าใช้สร้างเว็บเพจหรือเปิดดูทางคอมพิวเตอร์ก็ให้เลือก Web/Screen (เว็บ/หน้าจอ) ซึ่งโปรแกรมจะกำหนดให้ภาพมีความละเอียดที่ 96 dpi (dot per inch)
- ถ้าต้องการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ทั่วไปก็เลือกที่ Print (การพิมพ์) ซึ่งจะใช้ค่าความละเอียดที่ 200 dpi ซึ่งโปรแกรมจะลดรายละเอียดของภาพลงเพื่อให้ขนาดของไฟล์ภาพเล็กลง (รายละเอียดภาพจะลดลงเล็กน้อย แต่ขนาดที่แสดงในเอกสารจะเท่าเดิม)
- สำหรับ No Change (ไม่มีการเปลี่ยนแปลง) คือ ไม่มีการเปลี่ยนค่าความละเอียดของภาพ
- เลือกว่าจะลดขนาดไฟล์ลง ให้คลิก Compress Pictures (บีบอัดรูปภาพ)
- หรือถ้าจะลบส่วนของภาพที่ครอบตัด (crop) ไว้ออกไปอย่างถาวร ให้เลือก Delete cropped areas of raptures (ลบพื้นที่ครอบตัดรูปภาพ)
- คลิกปุ่ม Ok (ตกลง)
ในครั้งแรกที่นักเรียนใช้งานโปรแกรมจะแจ้งว่าโปรแกรมจะต้องลดขนาดของภาพลง ให้นักเรียนคลิกปุ่ม Apply เพื่อยืนยันการลดขนาดภาพลง
- ถ้าไม่ต้องการให้แสดงข้อความนี้อีกให้คลิก Don’t show me this warning again (อย่าแสดงคำเตือนนี้อีก)
ใส่ข้อความลายน้ำ
1. เลือกคำสั่ง Format – Background - Printed Watermark (รูปแบบ - พื้นหลัง - พิมพ์ลายน้ำ)
2. คลิกที่ Text Watermark (ลายน้ำข้อความ) เพื่อใส่ข้อความเป็นลายน้ำ
3. กำหนดตัวเลือกเพิ่มเติม
- Text (ข้อความ) เลือกข้อความที่ต้องการ เช่น ห้ามทำสำเนา
- Font (แบบอักษร) เลือกฟอนต์ข้อความ
- Size (ขนาด) ขนาดของข้อความ
- Color (สี) สีข้อความ และเลือก Semitransparent (กึ่งโปร่งใส)
- Layout (เค้าโครง) เลือกการวางข้อความ Diagonal วางแบบเส้นทแยง , Horizontal วางแนวนอน
4. คลิกปุ่ม OK (ตกลง)
คำถาม หน่วยที่ 8
1. ภาพที่ต้องแสดงเพียงบางส่วนเพื่ออะไร
ก. เพื่อจุด
ข. เพื่อปิดบางส่วน
ค. เพื่อเปิดบางส่วน
ง. เพื่อเน้นเฉพาะบางจุด
2. ภาพที่นำมาใส่ในเอกสารมีกี่ลักษณะ
ก. 2
ข. 3
ค. 4
ง. 5
3. จุดสีเหลี่ยมหรือวงกลมเล็กๆ รอบรูปนั้นมีกี่จุด
ก. 2
ข. 6
ค. 8
ง. 10
4. ระดับชั้นแบ่งออกเป็นกี่ระดับ
ก. 4
ข. 6
ค. 8
ง. 10
5. การนำภาพจากคลิปอาร์ตเข้้ามาใส่ในเอกสาร สามารถทำได้โดย
ก. เมนู lnsert - Picture - Form File
ข. เมนู lnsert - Clip Art - Picture
ค. เมนู nsert - Clip - Videos
ง. เมนู lnsert - Picture - Clip Art
เฉยล 1.ง,2.ก,3.ค,4.ก,5.ง